อย่างที่รู้กันดีว่า ชุมชนริมน้ำจันทรบูรนั้นมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน แต่ก่อนหน้านี้อาจไม่ได้รับการดูแลสักเท่าไหร่ จนเมื่อปีพ.ศ. 2552 ชุมชนโดยชมรมพัฒนาริมน้ำจันทบูรได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี สถาบันอาศรมศิลป์ และหน่วยงานอื่นๆ ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูย่านจนเกิดเป็นวิสัยทัศน์ “วัฒนธรรมนำการค้า” เพื่อให้การอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและฟื้นฟูชุมชนเป็นไปได้อย่างยั่งยืน และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของ “บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี”
แต่กว่าจะเป็นบ้านพักหลังงามสำหรับให้นักท่องเที่ยวค้างแรม พร้อมชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมแบบนี้ได้ ก็ต้องใช้ทั้งความร่วมมือร่วมใจและทักษะจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาช่วยกันปรับปรุงและบูรณะบ้านหลังนี้ขึ้นมาให้มีชีวิตอีกครั้ง โดยรูปแบบดั้งเดิมของตัวอาคารเป็นอาคารทรงเรือนแถวปูนได้รับอิทธิพลรูปแบบสถาปัตยกรรมที่งดงามตามอิทธิพล ชิโนโปตุกีสของเรือนแถวในปีนัง เนื่องจากหลวงประมวณราชทรัพย์ (บิดาของหลวงราชไมตรี) ได้ทางไปทำการค้าที่ปีนังและมะละกา
เนื่องจากตัวบ้านมีอายุกว่า 120 ปีและวัสดุส่วนใหญ่นั้นเป็นไม้ แน่นอนว่า ต้องเสื่อมสภาพและผุพังตามกาลเวลา รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากปลวก แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงสภาพและมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับประโยชน์ใช้สอยใหม่ได้ ซึ่งในการปรับปรุงนั้น ทางผู้ออกแบบได้ใช้แนวทางการอนุรักษ์แบบ Adaptive-Reuse (การปรับเลี่ยนประโยชน์ใช้สอย) มาปรับใช้ ทำให้สามารถแยกแยะส่วนดั้งเดิมและส่วนที่ถูกปรับปรุงใหม่ได้ โดยที่ส่วนต่อเติมใหม่นั้นเป็นวัสดุที่แข็งแรงแต่สามารถรื้อถอนได้โดยไม่กระทบกับตัวอาคารเก่า อย่างส่วนหลังคาสังกะสี ผู้ออกแบบเลือกที่จะไม่เปลี่ยนวัสดุ เนื่องจากสังกะสีเดิมของบ้านนี้ เป็นสังกะสียุคแรกๆ ของประเทศไทยที่มีความหนาและแข็งแรง และส่วนภายนอกนั้นได้รับการทาสีใหม่ตามสีเดิมของอาคาร ซึ่งสีใหม่ที่ทานั้นเป็นเสมือนวัสดุเคลือบผนังเพื่อรักษาปูนฉาบเดิมและอิฐโบราณของบ้านให้คงทน รวมถึงมีการเก็บแนวผนังรับน้ำหนักเดิมไว้ เพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม ก่อนจะเพิ่มผนังภายในใหม่บางส่วนเพื่อใช้เป็นผนังกั้นห้องพักต่างๆ ซึ่งผนังใหม่นี้เป็นผนังเบาใส่แผ่นโฟมไว้ภายในผนังเพื่อกันเสียงรบกวน
จากความเฉลียวฉลาดของผู้ออกแบบในการนำแนวคิด Adaptive-Reuse มาใช้ เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงอาคารในแต่ละยุคสมัย ได้สัมผัสกับของแท้ดั้งเดิม และได้เห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นเชิงช่างของคนสมัยก่อนอีกด้วย ที่นี่จึงไม่ใช่เพียงที่พักสำหรับนักเดินทางเท่านั้น แต่คุณจะได้ซึมซับถึงคุณค่าทั้งเชิงประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมในทุกนาทีที่ได้อยู่ที่นี่
แสดงความคิดเห็น